top of page

สำเนาของ อรุณสวัสดิ์ “เต้าเต๋อจิง”เผยแพร่วันที่ 25 ตุลาคม 2568

🌹  ปล่อยวางความยึดติด ไร้อัตตาจึงอิสรเสรี


อาจารย์จ้าวเมี่ยวกว่อ

ree


คติเตือนใจประโยคที่ 2 กล่าวว่า “เคล้าดินปั้นภาชนะ ด้วยตรงกลางที่ว่างเปล่า ภาชนะจึงใช้สอยได้ สร้างบ้านเจาะประตูหน้าต่าง ด้วยบ้านที่ว่างเปล่า​ บ้านจึงใช้ประโยชน์ได้” ซึ่งมีความหมายว่า ปล่อยวางอัตตา ไร้อัตตาจึงอิสรเสรี  “การปล่อยวางอัตตา” มิใช่ทำตนเฉื่อยชาและหลบหนีจากสังคม แต่คือการปฏิบัติตนตามคำสอนในบทที่ 49 ที่กล่าวไว้ว่า ฝึกฝนสามดวงจิตให้สำเร็จ เพื่อบรรลุความเป็นอริยบุคคลภายใน และความเป็นราชาที่ภายนอก ดังนี้

 

1. “การไม่เห็นแก่ตัว”  อ้างอิงจากประโยค “อริยบุคคลไม่เห็นแก่ตัว ถือความปรารถนาของปวงชนมาเป็นของตน”

  

ผู้ใดเห็นแต่ผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ ย่อมยากจะสร้างงานใหญ่ และผู้ใดเห็นแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ย่อมยากที่จะอุทิศตนเพื่อส่วนรวม เพราะจิตใจของเขาคับแคบ ความสำเร็จจึงถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบๆ   การมีจิต “ไม่เห็นแก่ตัว”  คือการมีจิตเพื่อส่วนรวม หมายถึงการไม่ยึดติดอยู่กับเรื่องของตน แต่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และยอมเสียสละตนเพื่อส่วนรวม การฝึกฝนหลอมหล่อคือการชนะใจตน หาใช่การเปลี่ยนแปลงผู้อื่นไม่ เมื่อตระหนักรู้ได้ ทุกครั้งที่มีการเลือกสรร หากสามารถปรับแก้ความเคยชินเดิมๆ ก็เท่ากับได้พลิกเปลี่ยนชะตาแล้ว

 


2. “จิตหนึ่งใจเดียวกับปวงชน”  อ้างอิงจากประโยค “อริยบุคคลอยู่อย่างสงบเสงี่ยม มีจิตหนึ่งใจเดียวกับปวงชน”

   

“จิตหนึ่งใจเดียว” ดูประหนึ่งเหมือนน้ำที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจนแยกไม่ออกว่าใสหรือขุ่นมัว  แต่เปรียบดั่งแม่น้ำฮวงโหที่คดเคี้ยวนับพันลี้ สามารถรองรับดินทรายจากภูผาทั้งสองฟากฝั่ง จึงเป็นเจ้าแห่งสายน้ำแห่งแผ่นดินจีน  “จิตหนึ่งใจดียวกับปวงชน” คือจิตแห่งความเสมอภาค ที่โอบรับทั้งเกียรติยศและอัปยศ ทั้งแพ้และชนะ ยังเข้าใจทั้งความสูงส่งและต่ำต้อย อีกทั้งฉลาดและโง่เขลา ด้วยการชำระล้างตกตะกอนสิ่งขุ่นมัว จึงทำให้สภาพแวดล้อมบริสุทธิ์ผ่องใส  เมื่อปฎิบัติงานด้วย “จิตหนึ่งใจเดียวกับปวงชน”  พึงต้องทำความดีที่ภายนอกและยิ่งต้องสลายความชั่วที่ภายใน  หมายความว่าเมื่อเห็นคนดี ไม่จำเป็นต้องยกย่อง เพียงทำตามก็พอ เมื่อเห็นคนชั่ว ไม่จำต้องวิพากษ์วิจารณ์ เพียงไม่ทำตามก็พอแล้ว เมื่อทั้งความดีและความชั่วถูกสลาย จิตแห่งความเสมอภาคจึงเกิด ความสงบก็ตามมา บุญวาสนาจึงปรากฎ

 


3. “ลูกหลานของตน” อ้างอิงจากประโยค “ปวงชนต่างใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี อริยบุคคลถือปวงชนเป็นลูกหลานของตน”


 “ลูกหลานของตน”  คือการมีจิตเมตตา ในสายตาของอริยบุคคล โลกมีคนเพียงสองประเภท คือผู้ตื่นรู้แล้ว กับผู้ที่กำลังเดินสู่การตื่นรู้  ดังนั้น อริยบุคคลจึงรักและคุ้มครองทุกคน ชูคบเพลิงแห่งดวงจิตเพื่อส่องแสงนำทางลูกหลานของตนกลับบ้าน  ความเมตตาที่แท้จริงคือการช่วยให้ผู้อื่นยืนหยัดด้วยลำแข้งของตน สิ่งที่เราควรทำคือ ทำให้พวกเขารู้จักรับผิดชอบในหน้าที่การงาน มีความมั่นใจในการสร้างความเชื่อถือ และสัมผัสถึงความอิสรเสรีอันเกิดจากการหยั่งรู้เต้าและสั่งสมคุณธรรม โลกอันวุ่นวายโกลาหล มีเพียงความเมตตาเท่านั้นที่สามารถสลายความขัดแย้ง รอยยิ้มที่จริงใจและการรับฟังอย่างอดทน ล้วนเป็นการฝึกปฏิบัติความเมตตา แม้ในชีวิตที่ธรรมดา ก็เต็มไปด้วยพลังที่สร้างความอบอุ่นแผ่กระจายไปทั่ว ดังนั้น การฝึกปฏิบัติ “เมื่อว่างเปล่า” คือ 1. ฝึกการ “ไม่เห็นแก่ตัว” โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น และอุทิศตนเพื่อส่วนรวม  2. ฝึกการมี “จิตหนึ่งใจดียวกับปวงชน”  จึงไร้การแบ่งแยกและสร้างความเสมอภาค  3. ฝึกการถือผู้คนดุจ “ลูกหลานของตน”  มีจิตเมตตา และชูคบเพลิงแห่งจิตให้สว่างไสว  หนทางในโลกีย์อันยาวไกล ปล่อยวางความยึดติด ไร้อัตตาจึงอิสรเสรี



🌹อรุณสวัสดิ์ คนเรามีเพียงอยู่ในความสงบนิ่งเท่านั้น โชคจึงจะผันมาเป็นความโชคดี ยิ่งสงบนิ่งได้ฉันใด คลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กก็ยิ่งสูงมากขึ้นฉันนั้น การฝึกฝนหลอมหล่อที่แท้จริง คือการทำตนเองให้สงบนิ่ง กลมเกลียวปรองดอง และรักษาความเป็นกลางให้มากยิ่งขึ้น ยกระดับพลังสนามแม่เหล็กให้สูงขึ้น พลังอันดีงามจึงไหลเวียนไปสู่จุดนั้น และประคองให้อยู่ในสภาวะเช่นนี้ สิ่งดีงามจึงจะหลั่งไหลเข้ามา 


อาจารย์จ้าวเมี่ยวกว่อ วันที่ 9 กันยายน 2568 🌹🌹🌹



ความคิดเห็น


Dao De Xin Xi logo
เกี่ยวกับเรา

มูลนิธิเหลาจื่อเต้าเต๋อสากล เป็นองค์กรการกุศล

ได้จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2541

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

1. การสังคมสงเคราะห์

2. ส่งเสริมการบำบัดโรคต่างๆ โดยวิธีการฝึกสมาธิ

3. ร่วมกับหน่วยงานราชการและหน่วยงานเอกชน

    พัฒนาคน ให้มีคุณธรรม มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น

4. ดำเนินการ เพื่อสาธารณะประโยชน์

     

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารทางอีเมล์

© 2019 by Dao De Xin Xi Thailand

bottom of page