top of page

รักเท่านั้นที่สลายความขัดแย้งได้ : เจี้ยนอิง

อัปเดตเมื่อ 4 พ.ย. 2564


ree

รักเท่านั้นที่สลายความขัดแย้งได้ คำพูดนี้มิได้กล่าวเท็จ ดิฉันขอแบ่งปันเรื่องจริงสองเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ข้างกายเมื่อเร็วๆ นี้ดังต่อไปนี้คือ

ช่วงเวลากลางคืนที่ดิฉันกับสามีเสร็จจากการเต้นรำ รำมวยและออกกายบริหารตามวิธีบำรุงรักษาสุขภาพจากคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” กำลังเดินเข้าสู่เขตเล็กๆ ได้เห็นลานจอดรถมีคนหลายคนกำลังทะเลาะกัน เราจึงเข้าไปห้ามปรามพร้อมกัน แต่ยังเดินไปไม่ถึง ในกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มสองคนตีกันขึ้นแล้ว เมื่อเราเดินไปถึงจะห้ามอย่างไรก็ไม่ได้ผล ทั้งยังรุนแรงมากยิ่งขึ้น สามีดิฉันจึงแยกพวกเขาออกมา เพิ่งแยกออกได้ก็ตีกันอีก เวลานี้หญิงสาวสองท่านที่อยู่ด้านข้างได้กอดตีกันอุตลุด คนมุงดูยิ่งหนาแน่นมาก ได้แต่ดูพวกเขาตีกัน 4 คนนี้เหมือนสิงห์โต 2 คู่ จะทำอย่างไรดี เวลานี้ดิฉันพลันเหลือบไปเห็นเด็ก 2 คน ความรู้สึกอันดับแรกบอกว่า เด็กเป็นหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาทั้งสองครอบครัว ด้วยคู่สามีภรรยาทั้งสองฝ่ายต่างได้พาลูกไปด้วย ดิฉันได้โพล่งพูดกับสามีภรรยาทั้งสองคู่ว่า “ลูกของพวกคุณก็อยู่ที่นี่ พฤติกรรมของพวกคุณอย่างนี้เด็กจะคิดอย่างไร พวกคุณได้คิดถึงผลกระทบต่อพวกเขาไหม” หลังจากที่ดิฉันพูดซ้ำไปมาหลายครั้ง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจึงค่อยๆ ยุติการตีด่า อาศัยโอกาสนี้ดิฉันโอบเด็กสองคนเข้ามาใกล้แล้วพูดกับพวกเขาว่า “รีบไปกอดคุณแม่ไว้ ไป” เด็กทั้งสองคนเชื่อฟังดีมาก เข้าไปกอดขาของคุณแม่ไว้ ในนี้มีคุณแม่ท่านหนึ่งได้อุ้มเด็กขึ้นมาอยู่ในอ้อมอก

เวลานี้หน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมในเขตเล็กนี้ได้มาถึงแล้ว อันที่จริง เรื่องราวนี้ง่ายมาก สองครอบครัวเกิดกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยเพื่อจอดรถ ต่างฝ่ายต่างคิดว่าฝ่ายตนมีเหตุผล จึงไม่ยอมเสียเปรียบให้แก่กัน เริ่มจากสงครามฝีปากจนถึงการลงไม้ลงมือเพื่อศักดิ์ศรี ตีจนตาบวมจมูกเขียวช้ำ สุดท้ายต่างก็ไม่มีวาสนาสมความปรารถนา ยังดีที่ไม่ถึงกับมีคนเสียชีวิต


ยังมีอีกครั้งหนึ่งดิฉันกำลังซื้อของกับสามีที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ฉางเค่อหลง เห็นคุณแม่อายุน้อยคนหนึ่งเข็นรถเข็นและกำลังเลือกผลไม้อยู่หน้าร้าน บนรถเข็นมีเด็กอายุ 2 ปีนั่งอยู่ เมื่อคุณแม่ชิมรสชาติของส้มไปกลีบหนึ่ง ตอนนั้นถูกพนักงานร้านค้าห้ามไว้... อารมณ์คุณแม่ท่านนี้ถูกยั่วจนบันดาลโทสะขึ้นมาทันที น้ำเสียงที่สอบถามอย่างตำหนิติเตียนด้วยเสียงอันดังจนได้ยินกันทั่วทั้งเขต มีคนเข้าไปเตือนสัก 2 - 3 ประโยค เธอบอกว่าเธอไม่ผิด เพราะเธอรู้สึกว่าถูกปรักปรำและเหยียดหยาม เธอต้องการให้พนักงานร้านค้าคืนความบริสุทธิ์ให้เธอ เธออยากให้ทุกคนเห็นด้วยกับเธอ ดังนั้น ยิ่งเตือนเสียงของเธอยิ่งดัง แต่พนักงานร้านค้ายังคงก้มหน้าไม่พูดอะไร ทำแต่งานในมือของตน ทำให้คุณแม่อายุน้อยยิ่งบันดาลโทสะ ยกระดับเสียงสูงขึ้นอีก 8 ขั้น อารมณ์ดุจดังน้ำป่าไหลบ่าจากป่าเขา จะต้องให้พนักงานร้านค้าชั่งน้ำหนักส้มกลีบหนึ่ง เธอจะชำระเงินค่าส้มกลีบหนึ่งที่ทานไปเมื่อครู่นี้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน

ดูจากสภาพที่เธอบันดาลโทสะเช่นนี้ ดิฉันค่อย ๆ อ้อมไปทางหน้ารถเข็นของเธอ เห็นเด็กบนรถแล้วพูดว่า “ลูกของเธอดีมาก อย่าทำให้ลูกตกใจเด็ดขาด เธอน่าจะรู้ว่า อารมณ์ของเธอจะก่อให้เกิดการทำร้ายต่อลูกได้ ลูกอายุยังน้อย เขาจะกลัวและเครียดได้ ผู้ใหญ่ยอมเสียเปรียบหน่อย เป็นการสั่งสมบุญเพื่อลูก กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าเราจะทำงานอะไร ในใจเรารู้ดีที่สุด มีที่ไหนต้องให้ผู้อื่นมาพิสูจน์กันเล่า” คิดไม่ถึงว่า คำพูดไม่กี่ประโยคนี้ ทำให้คุณแม่ท่านนี้ที่ส่งเสียงสูงขึ้น 8 ขั้นลดลงมาได้ เธอพูดว่า “คุณน้าพูดถูก พูดถูกต้องค่ะ” เหตุการณ์จึงได้สงบลง ระหว่างทางกลับบ้านสามีพูดกับดิฉันว่า “บัดนี้เธอชักจะมีปัญญาบ้างแล้ว สามารถช่วยผู้อื่นสลายความขัดแย้งได้” ดิฉันพูดว่า “ไม่ใช่ดิฉันช่วยพวกเขา พวกเขาต่างหากที่ช่วยตนเอง ดิฉันเพียงแต่ให้พวกเขาคืนสู่ภาวะการตื่นรู้ และเชื่อมต่อกับความรักใหม่อีกครั้ง”

ในคัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” กล่าวว่า “ ‘เต๋า’ อู๋เหวยตลอดกาลและกระทำทุกสิ่ง หากเจ้าเมืองรักษาไว้ได้ ทุกสิ่งจักพัฒนาด้วยตนเอง เกิดหน่อความโลภ ข้าจึงระงับด้วยความเรียบง่ายไร้นาม รักษาความเรียบง่ายไร้นาม จะไม่เกิดความโลภ จิตใจจึงสงบสุข ทั่วหล้าจึงสงบสุข” คนเรามีการหลงผิดมานาน ดังนั้น เมื่อถูกความทะยานอยากควบคุม จึงเริ่มมีการต่อสู้ เมื่ออารมณ์ถูกควบคุม ไอคิวเท่ากับศูนย์ มีเพียงความอ่อนนุ่มและอู๋เหวยจึงสามารถทะลุผ่านอัตตาที่แข็งแกร่งได้ มีเพียงความรักเท่านั้นที่สลายบรรดาข้อพิพาทได้ และทั่วหล้าไม่มีอะไรที่นุ่มนวลกว่าความรัก เด็กๆ เป็นทูตสวรรค์ที่ปลุกความรักให้ตื่นและช่วยเหลือโดยตรงได้ดีที่สุด


ในเรื่องราวที่เป็นจริงสองเรื่อง ความนุ่มนวลและไร้เดียงสาของเด็กคืออู๋เหวย ทำให้ความทะยานอยากของพ่อแม่สลายเองได้ ความนุ่มนวลและไร้เดียงสาของเด็กคือความเรียบง่าย ทำให้วิญญาณของพ่อแม่ตามหาบ้านกลับได้ และให้พ่อแม่กลับไปสู่ภาวะชีวิตของส่วนทั้งหมดรวมเป็นหนึ่ง ดิฉันคิดว่า หากเราขยายองค์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง บรรดาข้อพิพาทล้วนแต่สลายได้ เช่นนี้แล้ว “การปรองดองกายใจ ปรองดองครอบครัว และปรองดองสังคมเป็นหน้าที่ของฉัน” จะไม่ใช่คำพูดที่เลื่อนลอยเลย

คัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ได้กล่าวว่า บรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นครูและการพัฒนาของทุนเสบียง ดิฉันคิดว่า สวรรค์ได้ให้ดิฉันมีประสบการณ์นับเป็นการให้ทานแก่ดิฉันอย่างมาก เนื่องด้วยภายในใจของดิฉันมักเกิดการปะทะกันเสมอ อาทิ เมื่อพบว่าตนเองมีความคิดที่มิชอบ ในอดีตการตอบสนองอันดับแรกคือ ประณามตนเอง บังคับให้ระงับ เนื่องจากคอยเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง ความคิดเหล่านั้นก็ยิ่งขจัดไปไม่ได้ จึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ สงครามภายในจิตวิญญาณที่มิชอบแบบนี้เป็นการทำลายชีวิตภายใน ภายใต้การช่วยเหลือของอาจารย์ทั้งหลาย ท่ามกลางการศึกษาประยุกต์ใช้คัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ดิฉันเองเริ่มมีความรู้สึกซาบซึ้งและตื่นรู้ อันที่จริง บรรดาการปะทะต่อสู้และพิพาทล้วนแต่กำลังแสดงถึงการ “สำคัญตนว่าถูกต้อง เข้าใจว่าตนรู้ อวดตนและสำคัญตนว่ายิ่งใหญ่” อย่างเด่นชัด บัดนี้ดิฉันเข้าใจแล้วว่า การศึกษาประยุกต์ใช้คัมภีร์ “เต้าเต๋อจิง” ทำให้เราเดินสู่เส้นทางที่ปรองดองส่วนทั้งหมด บัดนี้ทุกครั้งที่ปรากฏความคิดที่ไม่ชอบใจ ดิฉันจะรู้สึกระมัดระวังมากและรีบบอกตนเองทันทีว่า “ความคิดนี้มิใช่ความคิดของฉัน” แล้วนำพาชีวิตสู่วิถีโคจรของการคิดแห่งพลังเชิงบวกด้วยการ “รับใช้คนทั่วหล้าดุจสนใจร่างกายตน และรักถนอมโลกดังชีวิตตน” เมื่อใช้ความรักเช่นนี้ไปสลายความคิดที่มิชอบอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถสำรวจสิ่งที่ยังไม่เพียงพอและพื้นที่การเจริญพัฒนาของตนอีกด้วย มิเพียงหลีกเลี่ยงการปะทะได้ คนยังนับวันยิ่งเชื่อมั่นตนเอง ชีวิตก็นับวันยิ่งเบ่งบาน ดิฉันคิดว่า นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า “จิตใจจึงสงบสุข ทั่วหล้าจึงสงบสุข”


ประสบการณ์ทำให้ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งว่า ใช้ความเรียบง่ายไร้นามไปสลายการปะทะ ใช้การคิดรวมเป็นหนึ่งของส่วนทั้งหมดไปทำให้คู่ปฏิปักษ์เกิดความสมดุล นี่คือความรัก มีเพียงรักเท่านั้นที่สลายความขัดแย้งทุกสิ่งได้ ขอให้เราเริ่มปฏิบัติจากการฝึกฝนให้กายใจมีความปรองดอง จากความปรองดองของโลกน้อยๆ สู่ความปรองดองของโลกใหญ่ๆ หมายถึง ความปรองดองอันยิ่งใหญ่ของสังคม และจงถ่ายทอดความรักไปทั่ว

ความคิดเห็น


Dao De Xin Xi logo
เกี่ยวกับเรา

มูลนิธิเหลาจื่อเต้าเต๋อสากล เป็นองค์กรการกุศล

ได้จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2541

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

1. การสังคมสงเคราะห์

2. ส่งเสริมการบำบัดโรคต่างๆ โดยวิธีการฝึกสมาธิ

3. ร่วมกับหน่วยงานราชการและหน่วยงานเอกชน

    พัฒนาคน ให้มีคุณธรรม มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น

4. ดำเนินการ เพื่อสาธารณะประโยชน์

     

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารทางอีเมล์

© 2019 by Dao De Xin Xi Thailand

bottom of page